เริม โรคผิวหนังที่ติดต่อได้
โรคเริมเป็นโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่ถึงแม้จะติดต่อกันได้ไม่ง่าย แต่ก็สามารถติดต่อกันได้ พบได้ในทุกเพศทุกวัย ดังนั้นควรเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อนะคะ วันนี้เรามีข้อมูลโรคเริมมาบอกค่ะ
โรคเริม คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) หรือ HSV ซึ่งจะมีอยู่ 2ชนิดด้วยกัน ได้แก่
บางรายเป็นเริมที่ใบหน้า เริมที่ปาก เริมที่อวัยวะเพศ ผู้ติดเชื้อเริมส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการของโรค และสามารถกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้ โดยทั่วไปเริมสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส ดังนั้นหากเกิดเริมขึ้น ควรงดใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และงดมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่มีโรคเริมกำเริบ
อาการของโรคเริม
อาการของโรคเริมจะเริ่มจากมีตุ่มน้ำใสขึ้นในบริเวณที่ติดเชื้อ หลังจากนั้นจะแตกออก แล้วเกิดเป็นแผล มีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย แผลจะค่อยๆ แห้ง ตกสะเก็ดและหายในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในบางรายอาจจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดตามตัว หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย โดยในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ อาการจะรุนแรงกว่า และรักษายากกว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการในวันแรกๆหลังจากได้รับเชื้อครั้งแรก แต่ในผู้ป่วยบางส่วนจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-12 วัน
การป้องกันการติดเชื้อโรคเริม
เนื่องจากเริมบริเวณอวัยะเพศเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง จึงควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และงดมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่โรคกำเริบจนถึง 1-2 วันหลังจากฝืนหายสนิท
การรักษาโรคเริม
สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัสทั้งชนิดรับประทาน และชนิดทา โรคเริมจะมีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งจะแสดงอาการขึ้นอีกเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง หากพบความผิดปกติ แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
โรคเริม คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) หรือ HSV ซึ่งจะมีอยู่ 2ชนิดด้วยกัน ได้แก่
- Herpes Simplex Virus type 1: HSV-1 พบมากบริเวณปาก และใบหน้า
- Herpes Simplex Virus type 2: HSV-2 พบมากบริเวณอวัยวะเพศ สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
บางรายเป็นเริมที่ใบหน้า เริมที่ปาก เริมที่อวัยวะเพศ ผู้ติดเชื้อเริมส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการของโรค และสามารถกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้ โดยทั่วไปเริมสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส ดังนั้นหากเกิดเริมขึ้น ควรงดใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และงดมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่มีโรคเริมกำเริบ
อาการของโรคเริม
อาการของโรคเริมจะเริ่มจากมีตุ่มน้ำใสขึ้นในบริเวณที่ติดเชื้อ หลังจากนั้นจะแตกออก แล้วเกิดเป็นแผล มีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย แผลจะค่อยๆ แห้ง ตกสะเก็ดและหายในระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในบางรายอาจจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดตามตัว หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย โดยในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ อาการจะรุนแรงกว่า และรักษายากกว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการในวันแรกๆหลังจากได้รับเชื้อครั้งแรก แต่ในผู้ป่วยบางส่วนจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-12 วัน
การป้องกันการติดเชื้อโรคเริม
เนื่องจากเริมบริเวณอวัยะเพศเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง จึงควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และงดมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่โรคกำเริบจนถึง 1-2 วันหลังจากฝืนหายสนิท
การรักษาโรคเริม
สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัสทั้งชนิดรับประทาน และชนิดทา โรคเริมจะมีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งจะแสดงอาการขึ้นอีกเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง หากพบความผิดปกติ แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
Medical Center: Skin and Cosmetic Center
Publish date desc: 19/06/2024
Author doctor
Dr. Jantakan Nitinawarat
Specialty
Dermatologist