สมุนไพรขับสารพิษโดยวัตถุดิบจากธรรมชาติ

มนุษย์และสัตว์ดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ในการกินอาหาร การพักผ่อน การขับถ่าย การเคลื่อนไหวอวัยวะต่างๆ ร่วมกับการคิดดี โดยมีสมองควบคุมการรับรู้ สะสมความรู้สึกต่างๆ เช่นลักษณะทางกายภาพในการออกกำลังกาย การขับถ่าย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อไคล ส่งผลต่อเนื่องให้คนรุ่นหลังมีสภาพร่างกายที่มีความแข็งแรง เจ็บป่วยลดลง และดำรงชาติพันธุ์มาได้จนถึงทุกวันนี้

พฤติกรรมที่ไม่ควรปฎิบัติจะส่งผลให้เกิดโรคภัย ความเจ็บป่วย หรืออาการผิดปกติในระบบต่างๆ ภายในร่างกายตามมา เรียกรวมๆ ว่า “พิษ” หรือสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งเกิดอยู่ในเซลล์ของร่างกาย ในเลือด น้ำเหลือง หรือเกิดจากอารมณ์และสภาพจิตใจ ทางเคมีเรียกว่า “อนุมูลอิสระ” เป็นออกซิเจนเชิงเดี่ยว เช่น โอโซน เมอรอกไซต์ ไฮดรอกซิล กรดยูริค คอเลสเตอรอล แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส พยาธิ ฯลฯ สิ่งต่างๆที่กล่าวมานั้น ร่างกายจะกักเก็บไว้บางส่วน ส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกจากร่างกายตลอดเวลา ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ความสมดุลของร่างกายที่เป็นปกติ แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย

แนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง คือ การแก้พฤติกรรมที่ไม่ดีด้วยการล้างพิษหรือการขับสารพิษ การล้างพิษความหมายในวงกว้างของสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่มุ่งเรื่องการขับปัสสาวะ สวนอุจจาระ การกินอาหาร และกินยาล้างพิษเท่านั้น แต่จะรวมถึงการออกกำลังกายและฝึกสติด้วย อาหารนั้นเป็นสิ่งที่ให้พลังงาน สร้างความต้านทานโรค แก้ไขความผิดปกติของเซลล์ หรือใช้รักษาโรค ดังนั้นอาหารก็คือ “ยาสมุนไพร” ที่ได้จากพืช สัตว์ แร่ธาตุจาก ดิน น้ำ อากาศ  เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือคนสังเคราะห์ขึ้นมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรค จนกลายเป็นยาสมุนไพร สมุนไพรต้านสารพิษ ล้างพิษ ขับสารพิษ ก็คือสิ่งเดียวกัน และจะกล่าวต่อดังนี้

วิธีในการขับสารพิษและสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย น้ำ
เป็นสื่อนำพาออกซิเจนเข้าหลอดเลือดสู่เซลล์ของร่างกาย เพื่อนำพาสารอาหาร พลังงาน ความต้านทาน และการรักษาโรค น้ำสะอาดเหมาะแก่การบริโภคจะต้องมีออกซิเจนอย่างเพียงพอ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีรสจืด โดยปกติจะมีแหล่งที่มาจากน้ำฝน แม่น้ำ ลำธาร หุบเขา บ่อผิวดิน จากอ่างกักเก็บ เป็นน้ำจากแร่ธรรมชาติ ซึ่งในอดีตมนุษย์ใช้ในการบริโภคมาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันที่มีผู้คนอยู่กันอย่างหนาแน่นมากขึ้น ทำให้แหล่งน้ำดิบที่เหมาะสมต่อการบริโภคมีน้อยลงมาก คนจำนวนไม่น้อยจึงจำเป็นต้องพึ่งน้ำต้ม น้ำกรอง น้ำประปา น้ำที่ผ่านระบบการผลิตจากอุตสาหกรรมที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เช่น น้ำแม่เหล็ก น้ำแร่ แล้วนำมาบรรจุขวด ถัง กระป๋อง ส่งขายทั่วไป โดยน้ำแม่เหล็กและน้ำแร่ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ มีโมเลกุลเล็กเรียงตัวกันเป็นระเบียบ นำพาออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ดี โดยปกติแล้วร่างกายต้องการน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงประมาณ 2 ลิตรต่อวัน หากสภาพความแข็งแรงของระบบหัวใจดี ไตดี สามารถดื่มน้ำในปริมาณมากๆได้ แต่ถ้าหากระบบหัวใจทำงานบกพร่องหรือไตเสื่อมควรจำกัดปริมาณการดื่มน้ำ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษาด้วย การดื่มน้ำมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น ความร้อนในร่างกาย ความป่วยไข้ น้ำจากช่วยในการขับของเสียออก การดื่มน้ำมากเกินไปทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน เกิดความเป็นพิษจากการบวมในอวัยวะภายในร่างกาย ในทางกลับกันหากดื่มน้ำน้อยไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ขาดออกซิเจน ลดความสามารถในการขับถ่ายของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ เช่น กรดและสารไนโตรเจนที่เหลือใช้ ในทางปฏิบัติ ประโยชน์ของน้ำที่เห็นได้ชัด คือ ความสามารถลดอาการในคนไข้โรคภูมิแพ้ ผื่นลมพิษ ท้องผูกเรื้อรัง สะเก็ดเงิน และซึมเศร้าได้โดยทันที ส่วนคนที่ขาดน้ำกะทันหัน เช่น ทำงานในที่ร้อนจัดเสียเหงื่อมาก การเสียน้ำจากอาการท้องเดิน อาเจียน จำเป็นต้องทดแทนการสูญเสียน้ำอย่างเร่งด่วน ส่วนในคนไข้ที่ขาดน้ำเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยนอนติดเตียง พิการทางร่างกายหรือสมองเป็นระยะเวลายาวนาน ต้องน้ำทดแทนอย่างมีสมดุลโดยใช้ในการระบบควบคุมปริมาณน้ำแบบเคร่งครัด และผู้ป่วยที่สามารถดูแลตนเองได้ ควรดื่มน้ำทุกครั้งที่กระหาย ไม่ดื่มมากจนแน่นจุกอก และควรปัสสาวะบ่อยๆ

ผักสดและผลไม้สด
ให้สารอาหาร กากใย เกลือแร่ วิตามิน ช่วยในการรักษาโรค เช่น ผักกาดช่วยลดอาการของโรคระบบทางเดินปัสสาวะ มะระขี้นกช่วยลดอาการของโรคเบาหวาน กระเจี๊ยบแดงช่วยลดอาการของโรคความดันสูง การบริโภคผักสดและผลไม้สดทุกวันในปริมาณที่เพียงพอ จะส่งผลให้สุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ท้องไม่ผูก การย่อยอาหาร การนอน และการเคลื่อนไหวร่างกายจะคล่องแคล่วขึ้น อาการเจ็บป่วยลงลด คนไข้โรคเรื้อรัง หรือโรคทางสมองในส่วนความคิด ความจำ จำเป็นต้องทานผักผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เห็นได้ทันตา สิ่งที่พึงระวังของการทานผัก คือ จะต้องไม่มีปนเปื้อนสารเคมีจากการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี สารถนอมอาหาร

ข้าวและธัญพืช
จำพวกข้าว ข้าวโพด ถั่ว งา เมล็ดพืช มีคุณค่าทางสมุนไพร แต่ต้องผ่านความร้อนก่อน จึงจะย่อยได้ดี เนื่องจากมนุษย์เราพัฒนาตนมายาวนานจนเกือบไม่สามารถย่อยธัญพืชดิบได้ อีกประการหนึ่ง ความร้อนทำให้สารพิษ (ท็อกซิน) ในเมล็ดพืชถูกทำลายไปจึงไม่ก่อเกิดพิษต่อมนุษย์ โดยปกติจะนำเมล็ดพืชมาเพื่อสกัดนำเอาน้ำมันมาประกอบอาหารและผักสลัดต่างๆ เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม ในส่วนของข้าวและพืชพันธุ์ธัญญาหารนั้นถือเป็นอาหารหลักของชาวเอเชียมานานหลายพันปี ทำให้มนุษย์แข็งแกร่งและดำรงชีพอยู่ได้ยืนยาว นอกจากนั้นข้าวยังเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับทุกฐานะอาชีพ แต่ควรให้ความสำคัญกับเลือกกินข้าวคุณภาพดี ปราศจากสิ่งเจือปน และสารพิษตกค้างจากปุ๋ยเคมีและสารปราบศัตรูพืช ปัจจุบันนี้คนนิยมบริโภคข้าวอินทรีย์หรือข้าวที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งเป็นข้าวที่บรรพบุรุษของคนเอเชียบริโภคกันมาตลอดยาวนาน ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะมีมนุษย์พันธุ์ที่ดีส่งต่อจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของคนรุ่นต่อๆไปที่บริโภคข้าวอินทรีย์และลูกหลานก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของยีนในร่างกายที่ผิดเพี้ยนไป

สัตว์บก สัตว์น้ำ ไข่และแมลง
เป็นแหล่งโปรตีน วิตามินที่ให้พลังงานเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ คนขาดโปรตีนไม่ได้ แต่ควรจะบริโภคโปรตีนจากแหล่งสัตว์อย่างมีสติและเดินสายกลาง เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าการบริโภคมากเกินไป ทำให้เกิดโรคทางกายเรื้อรัง เกิดโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์ นอกจากนั้น ขบวนการผลิตของโปรตีนจากสัตว์  ปลา กุ้ง มีสารเคมีที่ไม่จำเป็นและอาจก่อให้เกิดโทษ เช่น ฮอร์โมน สารเร่งเนื้อแดง ข้อเท็จจริง คือ มนุษย์ซึ่งกินโปรตีนแต่น้อย หรือกินโปรตีนจากพืช หรือพวกมังสวิรัติจะเจ็บป่วยน้อย แม้แต่นักกีฬาวิ่งมาราธอนชาวอินเดียตระกูลซิงค์ ก็มีอายุถึง 105 ปี ยังวิ่งมาราธอนได้อยู่ (ข่าวจากรายการทีวี เดือนมีนาคม 2561)

เห็ด ยีสต์ รา สมุนไพรจากทะเล โสม ถั่งเช่า ชาสตูล สมุนไพรตระกูลขิง และอื่นๆ 
สมุนไพรเหล่านี้ใช้เป็นอาหารและยามานาน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรคเรื้อรัง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเหล่านี้ที่หาได้ง่าย ราคาไม่แพงมากและมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้เพื่อการรักษาโรค ผู้บริโภคจึงต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนนำมาใช้ ตลาดการค้าของสมุนไพรกลุ่มนี้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ถึงแม้ข้อมูลการใช้สมุนไพรเป็นยาในสถานบริการของรัฐในปี 2554 เป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท) แต่เป็นที่คาดการณ์ได้ว่ากระแสนิยมการใช้สมุนไพรโดยรวม จะช่วยให้มีการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยา เคมี หรือยาแผนปัจจุบันได้เป็นจำนวนเงินที่สูง ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของประชาชน และลดการใช้จ่ายด้านสุขภาพของรัฐ

ยาแผนโบราณ ยาสมุนไพร ยาจากสมุนไพร
ยาแผนไทย (Thai Traditional Medicine) ใช้รักษาโรค หรือ เป็นสมุนไพรล้างพิษมานาน ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปไกล ตั้งแต่การคัดสายพันธุ์สมุนไพร การปลูก เก็บเกี่ยว ผลิตภัณฑ์ การทดสอบในหลอดทดลองและในคน การควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล ดังนั้นการรักษาโรคโดยแพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้ยาสมุนไพรจะมีความคล่องตัวขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเพื่อใช้ในงานสาธารณสุขของประเทศ เช่น นโยบายให้มีการใช้ยาสมุนไพรเป็นร้อยละ5ของมูลค่าการใช้ยาของประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ เพื่อประชาชนจะได้มีสุขภาพดี รัฐลดภาระค่าใช้จ่ายด้านยา ซึ่งยังต้องซื้อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ความมั่นคงของประเทศชาติพึงเกิดขึ้น การป้องกันรักษาโรคตามแนวทางแพทย์แผนไทย และรักษาด้วยสมุนไพรก็จะตามมาและมีการพัฒนาควบคู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน

บทสรุป
สมุนไพรขับสารพิษ ต้านพิษ หรือสมุนไพรล้างพิษ ก่อให้เกิดการป้องกันและรักษาโรคตามแนวทางหลักการที่ว่า มนุษย์มีศักยภาพในการเยียวยาตนเองได้เมื่อเจ็บไข้ ขอเพียงแต่ให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่ร่างกายต้องการคือ อาหาร อากาศ การออกกำลังกาย การขับถ่ายและความมีสติ มนุษย์จึงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นผู้คิดดี กินดี อยู่ดี การกินอาหารและสมุนไพร ซึ่งก็คือ ยา เป็นการตอบโจทย์ของการล้างพิษได้เป็นอย่างดี

“กินพืชผักสมุนไพรเสียแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพดีในวันข้างหน้า”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777