ต้อกระจก สาเหตุ “ตาบอด” เมื่อสูงวัย
“ต้อกระจก” มักจะเกิดในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่แก้วตาหรือเลนส์ตามีความขุ่นมัว เมื่อเกิดต้อกระจก ประสาทตาจะรับแสงไม่เต็มที่ ทำให้การมองเห็นลดน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้ตาบอดได้ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับต้อกระจก โดย พญ. ศุภมาส โรจนนินทร์ จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านต้อหิน โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ที่จะมาบอกเล่าความรู้ให้ฟังกันค่ะ
ต้อกระจก คือภาวะเลนส์ตาขุ่น อาจจะเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล จนถึงสีขาว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของเลนส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอตาได้น้อยลง
อาการ
ความเสี่ยง
การตรวจต้อกระจก ตรวจพบโดยจักษุแพทย์
การป้องกัน
การรักษาต้อกระจก มีวิธีเดียวคือการผ่าตัดต้อกระจก
วิธีผ่าตัดต้อกระจกที่ปัจจุบันใช้มากที่สุด คือ Phacoemulsification คือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Ultrasound ในการสลายเลนส์ให้เป็นผงเล็กๆ แล้วดูดออกผ่านท่อเล็กๆ โดยการผ่าตัดมีการเปิดแผลเล็กขนาด 2-3 มิลลิเมตรที่กระจกตา เปิดผิวเลนส์ ทำการสลายเลนส์และใส่เลนส์แก้วตาเทียมแทนเข้าไป โดยมักไม่ต้องเย็บแผล
คุณสมบัติของ IOL
1. Monofocal IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมมีโฟกัสระยะเดียว ทำให้มองไกลชัด แต่มองใกล้ต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ
2. Multifocal IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่มีหลายระยะโฟกัส ทำให้มองใกล้และมองไกลชัดขึ้น แต่อาจจะมีข้อเสียด้านแสงกระจายในเวลากลางคืน
3. Toric IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ไขสายตาเอียงในผู้ป่วยที่มีกระจกตาเอียง มีทั้งแบบโฟกัสระยะเดียวและหลายระยะโฟกัส
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ต้อกระจก คือภาวะเลนส์ตาขุ่น อาจจะเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล จนถึงสีขาว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของเลนส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอตาได้น้อยลง
อาการ
- ตามัวลง เหมือนมีอะไรมาบัง ตามัวเยอะเวลากลางคืน ขับรถกลางคืนลำบาก
- การมองเห็นสีผิดปกติ อาจเห็นเป็นสีเหลือง สีมืดลง
- ต้องใช้ไฟสว่างขึ้นเวลาทำกิจกรรม หรืออ่านหนังสือ
- มีสายตาเปลี่ยน เช่น สายตาสั้นขึ้นผิดปกติ ทำให้มองใกล้ชัดขึ้น หรือเปลี่ยนแว่นบ่อย
- เห็นภาพซ้อน เวลาลืมตาข้างเดียว
ความเสี่ยง
- ผู้สูงอายุ พบบ่อยที่สุด จะมีอาการตามัวอย่างช้าๆ
- อุบัติเหตุทางตา
- การอักเสบของตา
- การผ่าตัดตามาก่อน
- การใช้ steroid เป็นเวลานาน
- โรคเบาหวาน
- แสง UV แสงแดด
- สูบบุหรี่
- เป็นมาตั้งแต่กำเนิด
การตรวจต้อกระจก ตรวจพบโดยจักษุแพทย์
- ประเมินค่าสายตา Visual acuity test
- Slit-lamp examination ตรวจโดยจักษุแพทย์
- ขยายม่านตา ตรวจจอตา
การป้องกัน
- ตรวจตาเป็นประจำทุกปี ในผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปี
- ใส่แว่นกันแดด ที่ป้องกัน UVB
- งดสูบบุหรี่
- รักษาโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
การรักษาต้อกระจก มีวิธีเดียวคือการผ่าตัดต้อกระจก
วิธีผ่าตัดต้อกระจกที่ปัจจุบันใช้มากที่สุด คือ Phacoemulsification คือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Ultrasound ในการสลายเลนส์ให้เป็นผงเล็กๆ แล้วดูดออกผ่านท่อเล็กๆ โดยการผ่าตัดมีการเปิดแผลเล็กขนาด 2-3 มิลลิเมตรที่กระจกตา เปิดผิวเลนส์ ทำการสลายเลนส์และใส่เลนส์แก้วตาเทียมแทนเข้าไป โดยมักไม่ต้องเย็บแผล
คุณสมบัติของ IOL
1. Monofocal IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมมีโฟกัสระยะเดียว ทำให้มองไกลชัด แต่มองใกล้ต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ
2. Multifocal IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่มีหลายระยะโฟกัส ทำให้มองใกล้และมองไกลชัดขึ้น แต่อาจจะมีข้อเสียด้านแสงกระจายในเวลากลางคืน
3. Toric IOL : เป็นเลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ไขสายตาเอียงในผู้ป่วยที่มีกระจกตาเอียง มีทั้งแบบโฟกัสระยะเดียวและหลายระยะโฟกัส
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
- ด้านผู้ป่วย ตามัวลง ต้อกระจกเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถกลางคืน การอ่านหนังสือ
- ประเมินความต้องการทางการมองเห็น หรือ Visual need ของคนไข้เป็นหลัก โดยมีปัจจัยร่วมพิจารณา เช่น อายุ อาชีพ กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน เป็นตาเดียวหรือ 2 ตา
- ด้านแพทย์ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากไม่รีบรักษา เช่น โอกาสเกิดต้อหินมุมปิด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
Medical Center: Eye Center
Publish date desc: 05/05/2022
Author doctor
Dr. Supamas Rojananin
Specialty
Glaucoma