ต่อมลูกหมากอักเสบ เรื่องใกล้ตัวที่คุณผู้ชายควรรู้

หากคุณผู้ชายมีอาการปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะขัดจนต้องเบ่ง บางครั้งมีอาการปวดเอว ปวดหลัง และปวดตึงบริเวณท้องน้อยร่วมด้วย รู้หรือไม่อาการเหล่านี้ อาจมีความเสี่ยงเป็นต่อมลูกหมากอักเสบ หากปล่อยละเลยอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายได้

ต่อมลูกหมากอักเสบเป็นการอักเสบบริเวณต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นต่อมที่อยู่ในระบบสืบพันธุ์และอยู่ใกล้กับระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ ปวดอวัยวะเพศ อัณฑะ ขาหนีบ และบริเวณใกล้เคียง ภาวะนี้เกิดได้กับผู้ชายทุกวัย ซึ่งสามารถแบ่งสาเหตุและชนิดของโรคได้ ดังนี้

• ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเฉียบพลัน พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะโดยผ่านจากท่อปัสสาวะเข้าสู่ต่อมลูกหมาก
• ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเรื้อรัง มีอาการอักเสบที่นานเกินกว่า 3 เดือน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เป็นการติดเชื้อแบบไม่รุนแรง มีอาการปวดเรื้อรัง ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอยู่ตลอดเวลา
• ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการของต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังแต่ตรวจไม่พบเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุไม่ทราบแน่ชัดอาจเกิดจากภาวะภูมิต้านทานในร่างกายผิดปกติ รวมถึงมีโรคประจำตัวหรือประวัติเจ็บป่วยเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะอักเสบ ภาวะขาดน้ำ โรคทางเพศสัมพันธ์

อาการ
• ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเฉียบพลัน มีไข้ ปวดเมื่อยตัว ปัสสาวะขัดต้องเบ่ง ปวดแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะออกมาสีขุ่น หรือปัสสาวะเป็นเลือด บางรายอาจมีอาการปวดเอว ปวดหลัง และท้องน้อยร่วมด้วย
• ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเรื้อรัง มีอาการปัสสาวะขัดเล็กน้อย ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ปวดตึงที่บริเวณท้องน้อย อุ้งเชิงกราน อวัยวะเพศ อัณฑะ และบริเวณโดยรอบ มักจะไม่ค่อยมีไข้

การรักษา
โดยทั่วไปแพทย์จะรักษาต่อมลูกหมากอักเสบตามสาเหตุและชนิดของเชื้อ ซึ่งการรักษาหลักจะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบของต่อมลูกหมาก เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยผู้ป่วยควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สำหรับอาการอื่นๆ เช่น อาการปวดอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงอาจใช้ยาแก้ปวด หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ในการบรรเทาอาการ หากมีอาการปัสสาวะขัด จะให้ยาคลายกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777