• banner

เตรียมตัวอย่างไร ก่อนปลูกถ่ายไต

การปลูกถ่ายไตเป็นก้าวสำคัญในการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพื่อให้การปลูกถ่ายประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงต่างๆ ทั้งผู้รับและผู้บริจาคไตจำเป็นต้องผ่านการเตรียมตัวและตรวจร่างกายอย่างละเอียด

การตรวจความพร้อมของร่างกาย
สำหรับผู้รับการปลูกถ่ายไต
ก่อนการเข้าคิวรับการปลูกถ่ายไต จะต้องผ่านการประเมินความพร้อมของร่างกาย ดังนี้
1. การคัดกรองมะเร็ง
    • อัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อคัดกรองมะเร็งในช่องท้อง
    • ตรวจภายใน เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (สำหรับผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป)
    • แมมโมแกรม เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านม (สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป)
    • ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ (สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือเร็วกว่านั้นหากมีญาติเป็นมะเร็งลำไส้)
    • Low-dose CT Chest เพื่อคัดกรองมะเร็งปอด (สำหรับผู้ที่อายุ 55 ปีขึ้นไป และเคยสูบบหรี่จัด)
2. การตรวจสุขภาพทั่วไป
    • ตรวจประเมินหัวใจ (สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป)
    • ตรวจทันตกรรมเพื่อรักษาการติดเชื้อในช่องปาก
3. การประเมินทางจิตเวช
    • พบจิตแพทย์เพื่อประเมินสภาพจิตใจ ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จในการปลูกถ่ายไต

สำหรับผู้บริจาคไต
ผู้บริจาคไตจะต้องผ่านการประเมินอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความเหมาะสมในการบริจาค ดังนี้
1. การคัดกรองมะเร็ง
    • อัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อคัดกรองมะเร็งในช่องท้อง
    • ตรวจภายใน เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (สำหรับผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป)
    • แมมโมแกรม เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านม (สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป)
    • ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ (สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือเร็วกว่านั้นหากมีญาติเป็นมะเร็งลำไส้)
    • Low-dose CT Chest  เพื่อคัดกรองมะเร็งปอด (สำหรับผู้ที่อายุ 55 ปีขึ้นไป และเคยสูบบุหรี่จัด)
2. การตรวจการทำงานของไต
    • ตรวจปัสสาวะ 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินว่าไตที่เหลืออยู่จะทำงานได้ดีพอหรือไม่
    • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ดูเส้นเลือดไตเพื่อวางแผนการผ่าตัด และคัดกรองมะเร็งในช่องท้อง
    • ตรวจสแกนไต (DTPA Renal Scan) เพื่อดูการทำงานของไตแต่ละข้าง
3. การตรวจสุขภาพทั่วไป
    • ตรวจประเมินหัวใจ (สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป)
    • ตรวจทันตกรรมเพื่อรักษาการติดเชื้อในช่องปาก
    • ตรวจความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน หากดัชนีมวลกาย > 35 กก./ตร.ม. หรือมีญาติเป็นเบาหวานเนื่องจากหากในอนาคตเป็นเบาหวาน มีโอกาสที่ไตข้างเดียวที่เหลืออยู่จะทำงานแย่ลงได้
4. การประเมินทางจิตเวช
    • พบจิตแพทย์เพื่อประเมินสภาพจิตใจ ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จในการปลูกถ่ายไต

การตรวจความเข้ากันได้ของไตกับร่างกายผู้รับการปลูกถ่าย
เมื่อได้รับไตจากผู้บริจาค ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะพยายามต่อต้านไตนั้น เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิเสธไตโดยใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ยานี้จะช่วยระงับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่โจมตีไตปลูกถ่าย 

ก่อนผ่าตัดปลูกถ่ายไต จะมีการตรวจสอบว่าไตของผู้บริจาคเข้ากับร่างกายของผู้รับหรือไม่ เพื่อลดโอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธไตใหม่ การตรวจนี้ประกอบด้วย
1. การตรวจ HLA (Human Leukocyte Antigen)
    • HLA เป็นโปรตีนบนผิวเซลล์ที่บ่งบอกตัวตนของคนนั้นๆ HLA แต่ละคนมักไม่ตรงกันทั้งหมด
    • มีการตรวจ HLA 4 ชนิด : HLA-A, HLA-B, HLA-DR และ HLA-DQ
    • แต่ละคนจะมี HLA แต่ละชนิด 2 ชุด (จากพ่อและแม่)
    • ยิ่ง HLA ของผู้รับและผู้บริจาคตรงกันมาก โอกาสที่ร่างกายจะยอมรับไตใหม่ก็จะมากขึ้น
    • ผลการตรวจจะแสดงเป็นตัวเลขที่ HLA ไม่ตรงกัน (HLA mismatch) เช่น 1-2-0-2 หมายถึง
            - HLA-A ไม่ตรงกัน 1 ชุด
            - HLA-B ไม่ตรงกัน 2 ชุด
            - HLA-DR ตรงกันหมด
            - HLA-DQ ไม่ตรงกัน 2 ชุด
    • ยิ่งตัวเลขยิ่งต่ำ (หรือศูนย์) แสดงว่าความเข้ากันได้ยิ่งสูง
2. การตรวจแอนติบอดี
    1.1. สำหรับผู้รอรับไตจากผู้บริจาคที่เสียชีวิต
    • ตรวจ PRA (Panel Reactive Antibody) ทุก 6 เดือน
    • PRA แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น PRA 85% หมายถึง:
                - มีโอกาส 85% ที่ร่างกายจะปฏิเสธไตที่ได้รับบริจาค
                - หรือพูดง่ายๆ คือ จาก 100 ไตของผู้บริจาค จะมี 85 ไตที่ร่างกายอาจปฏิเสธ
    • คนปกติมักมี PRA 0%
    • PRA สูงขึ้นในคนที่เคยการตั้งครรภ์ ได้รับเลือด ติดเชื้อ หรือเคยปลูกถ่ายอวัยวะมาก่อน
            1.2. สำหรับผู้รับไตจากผู้บริจาคมีชีวิต
    • ตรวจ DSA (Donor Specific Antibody) ซึ่งหมายถึงปริมาณแอนติบอดีต้านต่อแอนติเจนที่มีอยู่ในไตบริจาคของผู้บริจาคโดยเฉพาะ
    • อาจตรวจครั้งเดียวก่อนปลูกถ่ายไต
    • ผลตรวจจะบอกเป็นปริมาณแอนติบอดี หากปริมาณมากอาจต้องมีการรักษาเพื่อกำจัดแอนติบอดีก่อนการปลูกถ่าย
3. การทำ Crossmatch
    • เป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายและสำคัญที่สุด
    • นำเซลล์ของผู้บริจาคมาผสมกับเลือดของผู้รับในหลอดทดลอง
    • ผลการทดสอบมี 2 แบบ คือ Negative Crossmatch สามารถทำการปลูกถ่ายไตได้ และ Positive Crossmatch คือ เซลล์ของผู้บริจาคถูกทำลาย แสดงว่าไม่สามารถปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาครายนั้นได้ ต้องเปลี่ยนไปหาผู้บริจาครายอื่น

สำหรับผู้รอรับไตจากผู้บริจาคที่เสียชีวิต
• ต้องส่งตัวอย่างเลือดไปที่สภากาชาดไทยทุกเดือน เพื่อเตรียมพร้อมทำการ Crossmatch หากมีไตบริจาคที่เหมาะสม
สำหรับผู้รับไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต
• ทำการตรวจ Crossmatch เพียงครั้งเดียวก่อนผ่าตัด

ข้อควรรู้เพิ่มเติม
• การที่ผลการตรวจทั้งหมดดี ไม่ได้รับประกัน 100% ว่าจะไม่เกิดการปฏิเสธไต แต่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จอย่างมาก
• แม้ผลการตรวจจะไม่สมบูรณ์แบบ แพทย์อาจพิจารณาทำการปลูกถ่ายไตได้ โดยอาจมีการปรับแผนการรักษาหรือยากดภูมิคุ้มกัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคไตและไตเทียม
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 07/03/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. อธิภัทร์ บรรจงจิตร

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคไต

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ