ตรวจภายในสำคัญอย่างไร
ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกว่าการตรวจภายในแบบไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่จำเป็นต้องตรวจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการตรวจภายในมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสามารถตรวจหาความผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้อ ถุงน้ำ บริเวณมดลูกและรังไข่ได้ รวมถึงความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก หากพบรอยโรคเร็วก็เพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ดีกว่าปล่อยให้โรคลุกลาม
การตรวจภายใน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นการตรวจหาความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์สตรีภายในบริเวณอุ้งเชิงกราน ได้แก่ ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ และบริเวณโดยรอบ เพราะบางโรคทางอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงมักไม่แสดงอาการ จึงไม่สามารถทราบได้ หากไม่ได้รับการตรวจภายใน ทั้งยังมีส่วนช่วยในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิตมากที่สุด การตรวจพบในระยะเริ่มแรกจะช่วยรักษาและป้องกันการลุกลามของโรคได้
การตรวจภายในจึงเป็นการตรวจคัดกรอง การป้องกัน และการหารอยโรคจากอาการต่างๆ เช่น ตกขาว ปวดท้องน้อย ช่องคลอดมีกลิ่น เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เพื่อให้แน่ใจว่าอวัยวะเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์เป็นปกติดี การตรวจภายในจึงไม่ใช่แค่การตรวจเพื่อหาความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
อาการแบบไหนที่ต้องตรวจภายใน
• มีอาการผิดปกติของประจำเดือน เช่น มามากหรือน้อยผิดปกติ มาไม่สม่ำเสมอ
• ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น
• มีอาการปวดท้องน้อยเป็นๆ หายๆ หรือปวดเรื้อรัง
• ตกขาวผิดปกติ เช่น คัน มีกลิ่นเหม็น มีน้ำไหลออกทางช่องคลอด
• เจ็บหรือแสบเวลามีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์
• ท้องโตผิดปกติ มีอาการอืด แน่นท้อง
• คลำเจอก้อนบริเวณท้อง
• เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
ควรเริ่มตรวจภายในเมื่ออายุเท่าไร
โดยปกติแล้วจะแนะนำผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป และสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และอาจเริ่มตรวจก่อนหน้านั้นในรายที่มีอาการผิดปกติ
การตรวจภายในเป็นหนึ่งในการตรวจคัดกรองสุขภาพ เพื่อดูความเสี่ยงต่างๆ ในการเกิดโรคของผู้หญิง แนะนำให้เข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง แม้ว่าจะมีอาการผิดปกติหรือไม่มีอาการก็ตาม เพื่อหาความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ เช่น การติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด รวมไปถึงการหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ โรคเริม ซึ่งหากพบเจอความผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงทีและมีโอกาสหายขาดได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
การตรวจภายใน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นการตรวจหาความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์สตรีภายในบริเวณอุ้งเชิงกราน ได้แก่ ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ และบริเวณโดยรอบ เพราะบางโรคทางอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงมักไม่แสดงอาการ จึงไม่สามารถทราบได้ หากไม่ได้รับการตรวจภายใน ทั้งยังมีส่วนช่วยในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิตมากที่สุด การตรวจพบในระยะเริ่มแรกจะช่วยรักษาและป้องกันการลุกลามของโรคได้
การตรวจภายในจึงเป็นการตรวจคัดกรอง การป้องกัน และการหารอยโรคจากอาการต่างๆ เช่น ตกขาว ปวดท้องน้อย ช่องคลอดมีกลิ่น เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เพื่อให้แน่ใจว่าอวัยวะเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์เป็นปกติดี การตรวจภายในจึงไม่ใช่แค่การตรวจเพื่อหาความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
อาการแบบไหนที่ต้องตรวจภายใน
• มีอาการผิดปกติของประจำเดือน เช่น มามากหรือน้อยผิดปกติ มาไม่สม่ำเสมอ
• ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น
• มีอาการปวดท้องน้อยเป็นๆ หายๆ หรือปวดเรื้อรัง
• ตกขาวผิดปกติ เช่น คัน มีกลิ่นเหม็น มีน้ำไหลออกทางช่องคลอด
• เจ็บหรือแสบเวลามีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์
• ท้องโตผิดปกติ มีอาการอืด แน่นท้อง
• คลำเจอก้อนบริเวณท้อง
• เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
ควรเริ่มตรวจภายในเมื่ออายุเท่าไร
โดยปกติแล้วจะแนะนำผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป และสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และอาจเริ่มตรวจก่อนหน้านั้นในรายที่มีอาการผิดปกติ
การตรวจภายในเป็นหนึ่งในการตรวจคัดกรองสุขภาพ เพื่อดูความเสี่ยงต่างๆ ในการเกิดโรคของผู้หญิง แนะนำให้เข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง แม้ว่าจะมีอาการผิดปกติหรือไม่มีอาการก็ตาม เพื่อหาความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกและโรคอื่นๆ เช่น การติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด รวมไปถึงการหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ โรคเริม ซึ่งหากพบเจอความผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงทีและมีโอกาสหายขาดได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์สุขภาพสตรี
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 23/12/2024
แพทย์ผู้เขียน
พญ. พิมพ์อร คงประยูร
ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์