โรคหัวใจขาดเลือด ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
หัวใจเป็นอวัยวะที่มีความมหัศจรรย์ เริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต นับว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญและแข็งแรงมาก หัวใจจะทำงานได้เป็นปกติต้องอาศัยการทำงานที่เป็นระบบของไฟฟ้าหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจก็เช่นเดียวกันกับกล้ามเนื้ออื่น ๆ ที่ต้องการออกซิเจน และอาหารจากเลือดมาหล่อเลี้ยงเพื่อให้บีบตัวต่อไปได้ หลอดเลือดที่นำมาเลี้ยงหัวใจประกอบด้วยหลอดเลือดแดง 2 เส้น เรียกว่า โคโรนารี ด้านขวา 1 เส้น และด้านซ้าย 1 เส้น ซึ่งจะแตกแขนงออกเป็น 2 เส้นใหญ่ นอกจากนั้นแล้วแต่ละเส้นยังส่งแขนงย่อย ๆ ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วย ดังนั้นหากหลอดเลือดหัวใจเหล่านี้เกิดการตีบ หรืออุดตันก็จะนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวได้ไม่ดี กล้ามเนื้อหัวใจตาย ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย และพบได้บ่อยมากในปัจจุบัน โดยสาเหตุที่ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้อย่างเพียงพอ ได้แก่
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจเป็นอวัยวะหนึ่งที่เกิดการเสื่อมไปตามอายุ อย่างไรก็ตามนอกจากอายุแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้เร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น โอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดจะยิ่งมากขึ้นหลายเท่า ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรค ได้แก่
ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดได้อย่างไร โรคหัวใจขาดเลือดเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสื่อมตามอายุ จึงไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่สามารถช่วยชะลอการดำเนินโรคได้ ด้วยมีวิธีป้องกันตามนี้
การหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ก็จะช่วยชะลอ หรือลดปัญหาแทรกซ้อนจากโรคหัวใจลงได้
- โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โดยคราบพลัคที่เกิดขึ้นภายในหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เมื่อสะสมมาก ๆ เข้าก็จะอุดตันที่หลอดเลือดหัวใจโคโรนารี และทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด
- ภาวะขาดออกซิเจนในเลือด เมื่อระดับออกซิเจนในเลือดลดลงเนื่องจากได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป ก็จะทำให้หัวใจไม่ได้รับเลือดที่มีออกซิเจนอย่างเต็มที่ กล้ามเนื้อหัวใจก็จะเสียหาย เกิดโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในที่สุด
- ภาวะหลอดเลือดหัวใจหดตัวอย่างรุนแรง เกิดขึ้นจากการที่หลอดเลือดหัวใจโคโรนารีเกิดการหดตัวอย่างรุนแรงจนทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังหัวใจถูกตัดขาด แต่ก็พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติด (โคเคน) ความเครียด การได้รับอากาศเย็นจัด และการสูบบุหรี่
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจเป็นอวัยวะหนึ่งที่เกิดการเสื่อมไปตามอายุ อย่างไรก็ตามนอกจากอายุแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้เร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น โอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดจะยิ่งมากขึ้นหลายเท่า ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรค ได้แก่
- อายุ
- เพศชาย ทั้งนี้เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงจะช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด แต่เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือน ไม่ว่าโดยธรรมชาติ หรือไม่มีรังไข่ ก็ทำให้โอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดสูงขึ้นใกล้เคียงกับเพศชาย
- ประวัติในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ รวมทั้งพันธุกรรม
- การสูบบุหรี่
- ความดันโลหิตสูง
- เบาหวาน
- โรคอ้วน
- ขาดการออกกำลังกาย
- ไขมันคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) สูง
- ไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ต่ำ
ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดได้อย่างไร โรคหัวใจขาดเลือดเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสื่อมตามอายุ จึงไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่สามารถช่วยชะลอการดำเนินโรคได้ ด้วยมีวิธีป้องกันตามนี้
- เลิกบุหรี่ โอกาสเสี่ยงที่เคยมีจะลดลงจนใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ยังช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งปอด และถุงลมโป่งพองอีกด้วย
- ตรวจเลือดเพื่อหาระดับไขมันในเลือดอย่างละเอียด หากพบว่าไขมันสูงมากกว่าค่าที่แนะนำให้ควบคุมอาหารโดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ร่วมกับการออกกำลังกาย หากไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาการใช้ยา
- หากมีความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน จำเป็นต้องควบคุมโรคให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่สุด
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วน
- ออกกำลังกาย เช่น แอโรบิค วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างสม่ำเสมอ
- ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่เครียด
การหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ก็จะช่วยชะลอ หรือลดปัญหาแทรกซ้อนจากโรคหัวใจลงได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 08/04/2022
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ระพีพล กุญชร ณ อยุธยา
ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคหัวใจ