ไข้หวัด VS ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ต่างก็เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส และมีอาการป่วยที่คล้ายๆ กัน ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะแยกโรคเหล่านี้ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าอาการที่เป็นนั้น คือ ไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่กันแน่
ไข้หวัด
อาจมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น จมูก คอ กล่องเสียง และไซนัส มักเป็นเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง สามารถหายเองใน 3 – 4 วัน หรือไม่เกิน 7 วัน พบได้บ่อยทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่สามารถเป็นบ่อยได้ถึงปีละ 6-8 ครั้ง เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ และในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น
อาการของไข้หวัด
• มีไข้ แต่ไข้มักจะสูงไม่เกิน 38°เซลเซียส
• ปวดศีรษะเล็กน้อย
• คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม และมีน้ำมูกอุดตันภายในจมูก
• เจ็บคอ ไอ และจาม
• เสียงแหบ
• อ่อนเพลีย และรู้สึกไม่สบายตัว
• ระคายเคืองตา หรือมีตาแดง ขี้ตาแฉะร่วมด้วย
การรักษาไข้หวัด
หากไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยทานอาหารที่มีประโยชน์ที่จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พักผ่อนให้มากขึ้น และดื่มน้ำมากๆ กินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ครั้งละ 1-2 เม็ด ถ้ายังมีไข้ให้กินซ้ำได้ทุกๆ 6-8 ชั่วโมง
ไข้หวัดใหญ่
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) เป็นโรคที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถพบได้ตลอดปี พบบ่อยในฤดูฝนและฤดูหนาว ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-4 วัน โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
อาการของไข้หวัดใหญ่
• มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น
• มีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
• ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
• เบื่ออาหาร คลื่นไส้
• ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ
• ในเด็กเล็กจะมีไข้สูงร่วมกับอาการอื่น เช่น คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว และชักจากไข้สูง
การรักษาไข้หวัดใหญ่
หากมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว นอนพักผ่อนมากๆ รับประทานอาหารอ่อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน อาจมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ไข้หวัด
อาจมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น จมูก คอ กล่องเสียง และไซนัส มักเป็นเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง สามารถหายเองใน 3 – 4 วัน หรือไม่เกิน 7 วัน พบได้บ่อยทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่สามารถเป็นบ่อยได้ถึงปีละ 6-8 ครั้ง เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ และในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น
อาการของไข้หวัด
• มีไข้ แต่ไข้มักจะสูงไม่เกิน 38°เซลเซียส
• ปวดศีรษะเล็กน้อย
• คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม และมีน้ำมูกอุดตันภายในจมูก
• เจ็บคอ ไอ และจาม
• เสียงแหบ
• อ่อนเพลีย และรู้สึกไม่สบายตัว
• ระคายเคืองตา หรือมีตาแดง ขี้ตาแฉะร่วมด้วย
การรักษาไข้หวัด
หากไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยทานอาหารที่มีประโยชน์ที่จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พักผ่อนให้มากขึ้น และดื่มน้ำมากๆ กินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ครั้งละ 1-2 เม็ด ถ้ายังมีไข้ให้กินซ้ำได้ทุกๆ 6-8 ชั่วโมง
ไข้หวัดใหญ่
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) เป็นโรคที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถพบได้ตลอดปี พบบ่อยในฤดูฝนและฤดูหนาว ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-4 วัน โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
อาการของไข้หวัดใหญ่
• มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น
• มีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
• ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
• เบื่ออาหาร คลื่นไส้
• ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ
• ในเด็กเล็กจะมีไข้สูงร่วมกับอาการอื่น เช่น คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว และชักจากไข้สูง
การรักษาไข้หวัดใหญ่
หากมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว นอนพักผ่อนมากๆ รับประทานอาหารอ่อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน อาจมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์อายุรกรรม
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 22/09/2024
แพทย์ผู้เขียน
พญ. สุวรรณี จิตภักดีบดินทร์
ความถนัดเฉพาะทาง
อายุรแพทย์