ภูมิแพ้ โรคยอดฮิตที่ใครๆ ก็เป็นได้
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่พบบ่อยในประเทศไทย สาเหตุเกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลตามมาจากมลพิษต่างๆ สามารถพบได้ในเด็กและผู้ใหญ่ แม้ว่าโรคภูมิแพ้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมโรคไม่ให้มีอาการ หรือมีอาการน้อยที่สุดได้
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดได้กับหลายระบบในร่างกาย เช่น ทางเดินหายใจ ผิวหนัง ตา ระบบทางเดินอาหาร คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีภูมิต้านทานบางอย่างที่ไวเกินไปต่อสิ่งที่มีอยู่รอบตัว เช่น ฝุ่นละออง อาหาร ละอองเกสร และอื่นๆ เมื่อมีปฏิกิริยากันก็จะมีสารบางอย่างหลั่งออกมาจากเซลล์โดยเฉพาะที่เราเรียกว่า แมสเซลล์และเบโซฟิล (Mast cell, Basophil) มีผลต่อการขยายหลอดเลือด สร้างสิ่งคัดหลั่งมากขึ้น การหดตัวของกล้ามเนื้อบางชนิด ทำให้เกิดอาการแพ้
สาเหตุของโรคภูมิแพ้
• พันธุกรรม ถ้ามีประวัติว่าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกๆ ก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน
• สารก่อภูมิแพ้ เป็นสารกระตุ้นที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดปฏิกิริยาหลังจากได้สัมผัสสาร ซึ่งบางอย่างสังเกตได้ยากเพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เกสร เชื้อราในอากาศ ฝุ่น หรือไรฝุ่นในบ้าน สปอร์ของเชื้อรา ละอองเกสร เชื้อรา อาหาร ยา สัตว์เลี้ยงต่างๆ เป็นต้น
อาการ
• อาการทางจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหลใส จาม คันจมูก
• อาการทางผิวหนัง ลมพิษ
• อาการทางหลอดลม ไอ คันคอ หอบหืด หายใจมีเสียงดัง
• อาการทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสียหลังกินอาหารที่แพ้
• อาการทางตา คันตา น้ำตาไหล ระคายเคืองตา
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ทำได้ไม่ยาก วินิจฉัยได้จากมีอาการดังกล่าวข้างต้นเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ แต่การรักษาโรคภูมิแพ้ค่อนข้างละเอียดอ่อนและใช้เวลาในการรักษา ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไข้มาก เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังและสาเหตุมีมาก จึงต้องคอยวิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน และควรต้องทำการทดสอบทางผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หรือตรวจเลือดถ้าทำการทดสอบผิวหนังไม่ได้ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการรักษาต่อไป เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
การรักษา
• หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ต่างๆ เช่น ควบคุมฝุ่นบ้าน และสิ่งแวดล้อมให้ปราศจากฝุ่น หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้
• การรักษาตามอาการ โดยการใช้ยา ซึ่งยาที่ใช้รักษาเป็นยากินกลุ่ม antihistamine พวก non sedative ไม่ง่วง และยาสเตียรอยด์พ่น เนื่องจากใช้ร่วมกันก็จะควบคุมอาการได้ ในคนไข้บางรายได้ผลดี
• การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ จะเป็นการรักษาโดยฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่คนไข้แพ้มาก และหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยฉีดทีละน้อยและเพิ่มขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ โดยจะกระตุ้นภูมิต้านทานที่ดี เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน (IgG) ซึ่งจะเฉพาะเจาะจงต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ เรียกว่า Blocking antibody โดยจะไปจับกับสารก่อภูมิแพ้ก่อนที่จะไปทำปฏิกิริยากับ IgE บนแมสเซลล์ ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่เกิด ทำให้ไม่มีอาการภูมิแพ้ตามมา จากการวิจัยพบว่าเมื่อฉีดไปนานๆ cell ที่สร้าง IgE จะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี จึงจะพิจารณาหยุดฉีดได้
อย่างไรก็ตามการรักษาที่สำคัญอีกอย่างคือ การรักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงมลพิษต่างๆ รวมทั้งควันบุหรี่ ควันไฟ กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เครียด จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้โรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และเป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดได้กับหลายระบบในร่างกาย เช่น ทางเดินหายใจ ผิวหนัง ตา ระบบทางเดินอาหาร คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีภูมิต้านทานบางอย่างที่ไวเกินไปต่อสิ่งที่มีอยู่รอบตัว เช่น ฝุ่นละออง อาหาร ละอองเกสร และอื่นๆ เมื่อมีปฏิกิริยากันก็จะมีสารบางอย่างหลั่งออกมาจากเซลล์โดยเฉพาะที่เราเรียกว่า แมสเซลล์และเบโซฟิล (Mast cell, Basophil) มีผลต่อการขยายหลอดเลือด สร้างสิ่งคัดหลั่งมากขึ้น การหดตัวของกล้ามเนื้อบางชนิด ทำให้เกิดอาการแพ้
สาเหตุของโรคภูมิแพ้
• พันธุกรรม ถ้ามีประวัติว่าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกๆ ก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน
• สารก่อภูมิแพ้ เป็นสารกระตุ้นที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดปฏิกิริยาหลังจากได้สัมผัสสาร ซึ่งบางอย่างสังเกตได้ยากเพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เกสร เชื้อราในอากาศ ฝุ่น หรือไรฝุ่นในบ้าน สปอร์ของเชื้อรา ละอองเกสร เชื้อรา อาหาร ยา สัตว์เลี้ยงต่างๆ เป็นต้น
อาการ
• อาการทางจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหลใส จาม คันจมูก
• อาการทางผิวหนัง ลมพิษ
• อาการทางหลอดลม ไอ คันคอ หอบหืด หายใจมีเสียงดัง
• อาการทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสียหลังกินอาหารที่แพ้
• อาการทางตา คันตา น้ำตาไหล ระคายเคืองตา
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ทำได้ไม่ยาก วินิจฉัยได้จากมีอาการดังกล่าวข้างต้นเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ แต่การรักษาโรคภูมิแพ้ค่อนข้างละเอียดอ่อนและใช้เวลาในการรักษา ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไข้มาก เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังและสาเหตุมีมาก จึงต้องคอยวิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน และควรต้องทำการทดสอบทางผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หรือตรวจเลือดถ้าทำการทดสอบผิวหนังไม่ได้ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการรักษาต่อไป เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
การรักษา
• หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ต่างๆ เช่น ควบคุมฝุ่นบ้าน และสิ่งแวดล้อมให้ปราศจากฝุ่น หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้
• การรักษาตามอาการ โดยการใช้ยา ซึ่งยาที่ใช้รักษาเป็นยากินกลุ่ม antihistamine พวก non sedative ไม่ง่วง และยาสเตียรอยด์พ่น เนื่องจากใช้ร่วมกันก็จะควบคุมอาการได้ ในคนไข้บางรายได้ผลดี
• การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ จะเป็นการรักษาโดยฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่คนไข้แพ้มาก และหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยฉีดทีละน้อยและเพิ่มขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ โดยจะกระตุ้นภูมิต้านทานที่ดี เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน (IgG) ซึ่งจะเฉพาะเจาะจงต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ เรียกว่า Blocking antibody โดยจะไปจับกับสารก่อภูมิแพ้ก่อนที่จะไปทำปฏิกิริยากับ IgE บนแมสเซลล์ ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่เกิด ทำให้ไม่มีอาการภูมิแพ้ตามมา จากการวิจัยพบว่าเมื่อฉีดไปนานๆ cell ที่สร้าง IgE จะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี จึงจะพิจารณาหยุดฉีดได้
อย่างไรก็ตามการรักษาที่สำคัญอีกอย่างคือ การรักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงมลพิษต่างๆ รวมทั้งควันบุหรี่ ควันไฟ กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เครียด จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้โรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคหู คอ จมูก
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 25/02/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. กรีฑา ม่วงทอง

ความถนัดเฉพาะทาง
โสต-ศอ-นาสิกแพทย์